JoopIE's Blog

Finding Others Lifestyles

Tuesday, August 15, 2006

ถึงเวลา.....ติดสินใจ!!!

.......ชีวิตคนเราเมื่อไปถึงจุดๆหนึ่งแล้ว มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะต้อง...เลือก แล้วทำไมหรือเพราะเหตุใดเราจึงต้องเลือกด้วยล่ะ คงเพราะว่าเราไม่สามารถเอาหมดทุกอย่างได้มั๊ง เราคงต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง พระเจ้าคงสร้างให้คนเราเกิดมาเพื่อทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งให้กับตัวเอง คนอื่น และสังคม ก่อนที่เขาจะลาจากโลกนี้ไป (แต่พระเจ้าคงไม่ได้ถามคุณก่อนว่าอยากจะเกิดมาเพื่อทำอะไร) ตอนนี้ผมได้เลือกแล้ว มันเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของชีวิตเลยทีเดียว แม้ผมจะไม่รู้ว่าผมจะประสบความสำเร็จกับทางเลือกนี้เพียงใด แต่ผมก็ยังมั่นใจว่าผมทำมันได้ดี ก่อนจะสิ้นปีนี้ บริษัทและตัวผมเองคงให้คำตอบนี้ได้ งานนนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากทำ แม้มันจะเป็นสิ่งใหม่สำหรับผมก็ตาม มันทั้งน่าตื่นเต้นและน่ากังวลไปพร้อมๆกัน พรุ่งนี้คือวันเริ่มงานวันแรก คงมีอะไรแปลกใหม่ให้ผมได้เห็น พบเจอ และสัมผัสมากมาย ขอให้ผมมีความเพียรและความอดทนที่จะฝ่าฟันความยากลำบากที่จะเข้ามาในชีวิตการทำงานของผม เพราะในส่วนของความสามารถ...ผมคิดว่า....ผมมีพอ

สัมภาษณ์งาน - ด่านอรหันต์

......(15/8/06 ) เรื่องนี้มีรายละเอียดเยอะ ไว้ค่อยมาใส่นะ เดี๋ยวไม่ครบจะขาดอรรถรสในการอ่าน
......(20/9/06 ) ในที่สุดก็ได้ Update Blog แล้วครับ วันนี้เค้าปฏิรูปการเมืองการปกครอง มีการยึดอำนาจอะไรกันนี่แหล่ะ ผมก็เลยว่างแบบไม่ได้วางแผน เพราะปกติเวลาวางแผนว่าว่าง จะไม่ว่าง :D
.......มาต่อในเรื่องของการสัมภาษณ์งาน ซึ่งจะถือว่ายากมันก็ยากนะครับ เหมือนการสอบครั้งหนึ่งเลยทีเดียว แม้มันจะเป็นการสอบที่เรารู้ข้อสอบ แต่หลายคนกลับทำไม่ได้ นั่นเพราะเราไม่รู้ว่าเค้าอยากได้คำตอบแบบไหนจากเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องตอบให้เค้าพอใจนะครับ แต่มันคือการตอบให้คุณดูเหมาะกับลักษณะงานที่คุณจะเข้าไปทำต่างหาก ซึ่งต้องเป็นคำตอบที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นตัวของตัวเองด้วย อย่าตอบเพียงเพื่อหวังว่ามันจะทำให้เราดูเหมาะสมกับงานทั้งที่จริงๆแล้วเราไม่ได้เหมาะกับงานนั้นเลย แต่ยังไงเสียถึงเวลาจริงๆเราก็ขอตอบให้เราได้งานไว้ก่อนจริงมะ เอิ๊กๆ :D (ใครจะไปรู้ล่ะว่าเราเหมาะหรือเปล่า พี่ก็ลองรับหนู แล้วให้หนูลองทำดูสิค่ะ ถ้าไม่เหมาะจะได้รู้กันไปไงค่ะ)
........ด่านอรหันต์นี้ ความยากมีสองส่วน ส่วนแรกคือการตอบคำถามมาตรฐาน และคำถาม Classic แบบที่เป็นตัวของคุณเอง ผมจะไม่พูดถึงคำถามมาตรฐานและคำถาม Classic ของการสัมภาษณ์งานนะครับ เพราะผมคิดว่าทุกท่านคงพอทราบและรู้คำตอบที่ดีสำหรับตัวท่านเองอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าถึงตอนตอบคำถามจริงท่านจะตอบได้อย่างแนบเนียนและตรงจังหวะแค่ไหน ส่วนความยากที่สองก็คือการทำให้ตัวท่านเอง "โดดเด่น" ท่านต้องพยามแสดงจุดเด่นหรือจุดขายอะไรที่ทำให้ท่านดูเหมาะสมกับงานมากกว่าผู้สมัครคนอื่น ถามว่าท่านจะทราบได้อย่างไรว่าจะต้องแสดงจุดเด่นหรือจุดขายในตัวท่านอะไรบ้างให้ตัวท่านดูเหมาะสมกับงาน คำตอบก็ไม่ยาก ให้ท่านอ่าน Qualification, Requirement และ Job Description แล้วจำให้ดี พอถึงตอนสัมภาษณ์ ท่านจงทำให้เค้าเห็นว่าท่านมีสิ่งที่เค้าต้องการ ท่านตรงกับความต้องการของเค้า เหมือนเวลาท่านจะไปหาซื้อของซักชิ้นที่ท่านจินตนาการไว้ว่าจะต้องมีลักษณะ และคุณสมบัติอย่างไร นั่นล่ะครับ ท่านต้องทำให้เค้าเห็นว่าท่านคือคนที่เค้าต้องการ ท่านคือคนที่เค้ากำลังรอ และท่านจะเป็นคนที่เค้ารับเข้าทำงาน

องค์ประกอบที่สำคัญระหว่างการสัมภาษณ์งาน
  1. หน้าตา อย่าคิดว่าผมบ้านะครับ เมื่อท่านได้รับการทาบทามให้มาสัมภาษณ์งานกับบริษัทเค้าแล้วเนี่ย เรื่องของเรื่องก็คือเค้าอยากเห็นหน้าตาของเรานี่แหล่ะครับ ว่าพอไปวัดไปวากับตำแหน่งที่คุณสมัครได้หรือเปล่า คุณเคยเห็นคนหน้าตาแย่สุดเป็นพระเอกหรือนางเอกละครไม๊ล่ะครับ นั่นล่ะครับ เค้าอยากดูว่าหน้าตาของคุณจะมาเป็นพระเอกนางเอกในตำแหน่งงานงานนี้ได้หรืเปล่า แต่อย่าเข้าใจผิดนะครับ ผมไม่ได้พูดถึงความสวยความหล่อนะครับ ผมหมายถึง "โหงวเฮ้ง" ต่างหาก เค้าอยากดูว่าโหงวเฮ้งของท่านมันดูมีแววจะไปได้กับงานของเข้าหรืเปล่า ผมขอบอกท่านว่าโหงวเฮ้งดีมีชัยไปกว่าครึ่ง จำคำนี้ให้ดีครับ โดยเฉพาะ "ดวงตา" ดวงตาของท่านมีพลังและทำอะไรได้มากกว่าที่ท่านคิด ตอนสัมภาษณ์งาน เค้าจะสังเกตสายตาและแววตาของท่านเป็นพิเศษ ไม่เชื่อของไปถาม HR ทุกบริษัทดูได้ครับ
  2. บุคลิกภาพ อันนี้สำคัญมากๆครับ เชื่อไหมครับว่าแค่ท่านเดินเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ บุคลิกภาพของท่านก็ทำให้คนสัมภาษณ์ตัดสินไปครึ่งหนึ่งแล้วครับว่าจะรับหรือไม่รับท่าน ไม่เชื่อไปถาม HR ของทุกบริษัทอีกครั้งนึงได้ครับ
  3. ไหวพริบปฏิภาณ ผมชอบเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่าความพริ้ว เวลาคุณคิดจะรับใครเข้าทำงาน คุณอยากได้มืออาชีพหรือว่ามือสมัครเล่นล่ะครับ (ถ้าค่าจ้างของสองคนนี้เท่ากัน) ความพริ้วนี่แหล่ะครับ คือข้อแตกต่างระหว่างมืออาชีพกับมือสมัครเล่น เคยเห็นนักกีฬาสมัครเล่นที่ไหนเค้าเล่นได้พริ้วสุดๆไม๊ล่ะครับ ไม่มีหรอกครับ หรือถ้ามีเค้าก็เป็นมืออาชีพตั้งแต่ตอนนั้นแล้วครับ

.......มีองค์ประกอบอื่นอีกที่ผมไม่ได้กล่าวถึง แต่เฉพาะที่สำคัญๆผมเห็นว่ามีอยู่ 3 ข้อนี้ล่ะครับ ถ้าใครมีครบ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ ความน่าจะเป็นที่คุณจะได้งานนั้น สูงมากๆ สุดท้ายขอฝากสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ท่านผ่านด่านอรหันต์ไปได้ นั่นก็คือ ความเพียร สวัสดีครับ

เริ่มต้น = สำเร็จ

......ผมคิดว่ามันเร็วมากสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตของผม ผมคิดว่าผมเป็นคนที่โชคดี ด้วยเวลาที่ค่อนข้างรวดเร็วนี้ทำให้ผมนึกถึงคำกล่าวประโยคหนึ่งที่ผมจำได้อย่างขึ้นใจ เพราะผมชอบประโยคนี้มาก เขากล่าวไว้ว่า "คุณพร้อม เมื่อคุณเริ่มต้น" ก่อนที่ผมจะสมัครงานผมคิดว่าผมไม่พร้อม แต่พอถามตัวเองว่าเมื่อไหร่พร้อม หรืออะไรจะเป็นตัวบอกเราว่าเราพร้อม อย่างเช่น เวลา, พ่อแม่, เพื่อน, หรือต้องรอจน "ความล้มเหลว" มาบอกคุณว่าคุณต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว แต่จริงๆถ้าเราไม่ทำอะไรแล้วเราจะล้มเหลวได้ไงเนอะ คงเป็นเพราะคนเรานิยามคำว่า ล้มเหลว ไว้ไม่ดี ถึงได้มีการใช้คำนี้แบบคลุมเครือ ไม่ชัดเจน ทำให้แต่ละคนตีความไม่ตรงกัน (หรือผมบ้าไปเอง แหะๆ)

......สิ่งที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่การเริ่มต้น-สำเร็จ

  • เริ่มต้นการสมัครงานวันที่ 31 กรกฎาคม 2549
  • สัมภาษณ์งานครั้งแรกกับบริษัท S. วันที่ 1 สิงหาคม
  • สัมภาษณ์งานครั้งที่สองกับบริษัท V. วันที่ 3 สิงหาคม
  • สัมภาษณ์งานครั้งที่สามกับบริษัท K. วันที่ 7 สิงหาคม
  • สัมภาษณ์งานครั้งที่สี่กับบริษัท H. วันที่ 11 สิงหาคม
  • ทำสัญญาว่าจ้างกับบริษัท V. วันที่ 15 สิงหาคม
  • เริ่มงานกับบริษัท V. วันที่ 16 สิงหาคม

.......ผมนึกถึงคืนวันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม เวลา 02.00 น. ตอนนั้นผมคิดว่า "ไว้ค่อยหาที่สมัครก็ได้ คงไม่ยากอะไร ไว้หาวันอื่นละกัน ไม่น่ามีปัญหา " แต่สุดท้ายคืนนั้นผมก็นั่ง Search หาบริษัท ปรับเปลี่ยนปรับปรุง Resume ที่จะส่งไปแต่ละที่แต่ละบริษัท แล้วก็ส่งใบสมัครไปตามบริษัทต่างๆที่ผมเห็นว่าเข้าท่า น่าจะไปด้วยกันได้ทั้งหมด 15 บริษัท เท่านั้นเอง นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ผมไม่รอไว้ทำวันอื่น ถึงวันนี้ผมคิดว่ามันคือ "สำเร็จ" เพราะว่าผม "เริ่มต้น" ซักที